วันแรกของการเดินทาง กรุงเทพฯ – ดูไบ
|
15.00 น.
|
คณะพร้อมกัน ณ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ประตู 8เคาน์เตอร์ T สายการบินเอมิเรตส์ โดยมีเจ้าหน้าที่ คอยต้อนรับและอำนวยความสะดวก
|
|
18.10 น.
|
ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยสายการบินเอมิเรตส์ โดยเที่ยวบินที่ EK 2548
|
|
21.30 น.
|
เดินทางถึง สนามบินดูไบ แวะรอเปลี่ยนเครื่อง
|
|
วันที่สองของการเดินทาง ดูไบ – แฟรงก์เฟิร์ต – ไฮเดลเบิร์ก – สตราสบูร์ก
|
03.45 น.
|
ออกเดินทางต่อสู่แฟรงค์เฟิร์ต โดยเที่ยวบินที่ EK 43
|
|
08.50 น.
|
ถึงสนามบินแฟรงค์เฟิร์ต ประเทศเยอรมนี (เวลาท้องถิ่นช้ากว่าประเทศไทย 5 ชั่วโมง) นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านเดินทางเข้าสู่ตัวเมืองแฟรงก์เฟิร์ต (Frankfurt) ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและพาณิชย์ที่สำคัญของเยอรมนี รวมทั้งเป็นศูนย์กลางการธนาคารการเงินและการค้าหุ้นที่สำคัญของประเทศ ผ่านชมสถานีรถไฟแฟรงค์เฟิร์ต ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานีรถไฟต้นแบบของหัวลำโพงประเทศไทย ครั้งเมื่อคราวเสด็จประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5 นำเที่ยวชมจัตุรัสโรเมอร์ (Romerberg) ซึ่งเป็นจัตุรัสที่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ด้านข้างก็คือ THE ROMER หรือ Frankfurt City Hall หรือศาลาว่าการเมือง ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจัตุรัสโรเมอร์ นำท่านออกเดินทางโดยรถโค้ชสู่ เมือง ไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg) เป็นเมืองที่สุดแสนโรแมนติก ตั้งอยู่บริเวณฝั่งแม่น้ำเน็กคาร์ (Neckar River) อดีตเมืองศูนย์กลางการศึกษาที่สำคัญของเยอรมัน เป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยไฮเดลเบิร์ก ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของเยอรมัน ด้วยความสวยงามของเมืองนี้ทำให้มีนักท่องเที่ยวนับล้านคนในแต่ละปีต้องมาเยือนเมืองแห่งนี้ แล้วนำท่านผ่านชมย่านการค้าและแหล่งรวมของนักศึกษานานาชาติ
|
|
เที่ยง
|
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
|
|
บ่าย
|
จากนั้นนำเข้าชมปราสาทไฮเดลเบิร์ก (Heidelberg Castle) ที่สร้างขึ้นอยู่บนเชิงเขาเหนือแม่น้ำเน็กคาร์ ซึ่งสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองได้โดยรอบ โดยตัวปราสาทสร้างด้วยหินทรายสีแดงซึ่งมีอายุกว่า 900 ปี ชมประตูคืนเดียว (Elisabeth’s Gate) ที่สร้างขึ้นโดยคำสั่งของพระเจ้าเฟเดอริก ที่สร้างเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดแด่ พระมเหสี อลิซาเบธ ซึ่งสร้างเสร็จภายในคืนเดียว จากนั้นชมถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกมีความจุถึง 220,000 ลิตรจากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) ประเทศฝรั่งเศส เมืองหลวงแห่งแคว้นอัลซาส (Alszce) ที่มี 2 วัฒนธรรม คือฝรั่งเศสและเยอรมนี เนื่องจากผลัดกันอยู่ภายใต้การปกครองของ 2 ประเทศนี้สลับกันไปมา สตราสบูร์ก เป็นเมืองใหญ่มีสถาปัตยกรรมสมัยโบราณเป็นร่องรอยประวัติศาสตร์ให้ชาวเมืองปัจจุบันได้ชื่นชม
|
|
ค่ำ
|
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
|
|
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม MERCURE STRASBOURG GARE CENTRALE หรือเทียบเท่า
|
|
วันที่สามของการเดินทาง สตราสบูร์ก – กอลมาร์ – อองกีเชม – รีคเวียร์ – มูว์ลูซ
|
เช้า
|
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
|
|
จากนั้นนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองกอลมาร์ (Colmar) ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหลวงของไวน์แห่งแคว้นอาลซัส (Capitale des Vins d'Alsace) เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในการอนุรักษ์เมืองให้คงบรรยากาศของเมืองโบราณ โดยเฉพาะในตัวเมืองเก่าที่เรียงรายไปด้วยเรือนไม้เก่าแก่ ร้านค้าสวยงาม โบสถ์ พิพิธภัณฑ์ คริสต์ศาสนสถาน และร้านค้าและที่อยู่ อาศัยที่คงสภาพเหมือนเมืองในยุคกลางได้อย่างดีสุดแห่งหนึ่งในประเทศ เมืองนี้มีคลองตัดไปมา จนได้รับสมญานามว่า “Little Venice” นำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารเซ็นต์มาร์ติน โบสถ์คาทอลิกเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นจากหินสีชมพูทั้งหลัง สร้างขึ้นในราวปี ค.ศ. 1234-1365 ถือเป็นโบสถ์ที่ใหญ่ที่สุดของเมืองกอลมาร์ สร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคที่สวยงามโอ่อ่า
|
|
เที่ยง
|
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
|
บ่าย
|
เดินทางต่อสู่หมู่บ้านอองกีเชม (Eguisheim) ประเทศฝรั่งเศส หมู่บ้านที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “อีกหนึ่งหมู่บ้านที่สวยที่สุดของฝรั่งเศส” อีกทั้งยังเป็นหมู่บ้านที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของแคว้นอัลซาสอีกด้วย ท่านจะได้ชมชมความงดงามไปตามถนนก้อนกรวดอันคดเคี้ยวของหมู่บ้าน ตื่นตาไปกับความงดงามของเหล่าอาคาร บ้านเรือนที่ยังคงกลิ่นอายความเป็นยุคกลางไว้เป็นอย่างดี ชมความเก่าแก่ของอาคารไม้โบราณที่แต่งแต้มด้วยสีสันสีสดใส ชมลานน้ำพุที่สร้างในแบบเรเนสซอง เดินทางต่อสู่เมือง ริควีร์ (Riquewihr) เมืองในเส้นทางสายไวน์แห่งแคว้นอัลซาคที่มีชื่อเสียงในฝรั่งเศส นั่งรถผ่านชมบริเวณไร่องุ่นที่ปลูกกันตามแนวไหล่เขาที่ลดหลั่นไปมา ก่อนนำท่านเข้าไปเดินเล่นในตัวเมืองเก่าที่มีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสวยงาม บรรยากาศภายในหมู่บ้านจะคล้ายกับเดินเข้าไปเหมือนหลงอยู่ในเมืองแห่งเทพนิยาย เนื่องจากบ้านเกือบทุกหลังจะตกแต่ง และประดับประดาด้วยดอกไม้ ตุ๊กตาหรือของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่น่ารักๆเต็มไปหมด จากนั้นนำท่านดินทางสู่เมืองมูว์ลูซ (Mulhouse) เมืองแห่งพิพิธภัณฑ์ยนตกรรมของแคว้นกรองแตส (grand est) อดีตเมืองในแคว้นอาลซัส ปัจจุบันเมืองนี้เป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์ยานยนต์แห่งชาติของฝรั่งเศส และยังเป็นที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์รถยนต์และรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูว์ลูซยังมีฉายาว่า "แมนเชสเตอร์ของฝรั่งเศส" อีกด้วย
|
|
ค่ำ
|
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
|
|
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม Mercure Mulhouse Centreหรือเทียบเท่า
|
|
วันที่สี่ของการเดินทาง มูว์ลูซ – ชตุทท์การ์ท – มิวนิค – จัตุรัสมาเรียน พลาสท์
|
เช้า
|
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
|
|
นำท่านเดินทางสู่เมืองชตุทท์การ์ท (STUTTGART) เมืองหลวงของรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทิมแบร์ค เป็นเมืองใหญ่อันดับหกของประเทศเยอรมนี ตั้งอยู่บริเวณป่าดำ (Black Forest) แหล่งผลิตนาฬิกากุ๊กกูชื่อดัง อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งยนตกรรมของเยอรมนี ชตุทท์การ์ทเป็นเมืองผลิตรถยนต์ชื่อดังของโลก ทั้ง รถยนต์เมอร์ซิเดสเบนซ์ Mercedes - Benz และพอร์ช Porsche อีกด้วย
|
|
เที่ยง
|
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
|
|
บ่าย
|
เดินทางสู่เมืองมิวนิค (Munich) อยู่ทางใต้ของประเทศเยอรมนี และเป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรีย ยังเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ (รองจากเบอร์ลินและฮัมบูร์ก) และเป็นหนึ่งในเมืองมั่งคั่งที่สุดของยุโรป ซึ่งมีพรมแดนติดเทือกเขาแอลป์ โดยรัฐบาวาเรียเคยเป็นรัฐอิสระปกครองด้วยกษัตริย์มาก่อน ก่อนที่จะผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี จึงมีเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทั้งด้านศิลปวัฒนธรรม และอาหารอันเลื่องชื่อ ซึ่งได้แก่ ไส้กรอกเยอรมัน ขาหมูทอด เพรทเซล และเบียร์ นำชมจัตุรัสมาเรียน พลาสท์ (Marienplatz) ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของประวัติศาสตร์และธุรกิจของนครมิวนิค บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่งดงามซึ่งสร้างขึ้นในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใช้เวลาสร้างถึง 42 ปี มีหอระฆังสูง 85 เมตร ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวรอคอยเฝ้าชมตุ๊กตาไขลานที่จะออกมาเต้นรำ เมื่อนาฬิกาตีบอกเวลา 11.00 น. และ 17.00 น. ในช่วงฤดูร้อน อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนมและของที่ระลึกตามอัธยาศัย
|
|
ค่ำ
|
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
|
|
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม MERCURE ORBIS SOU หรือเทียบเท่า
|
วันที่ห้าของการเดินทาง มิวนิค – ฮัลสตัท – เวียนนา
|
เช้า
|
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
|
|
ออกเดินทางสู่ฮัลสตัท (Hallstatt) หมู่บ้านมรดกโลกแสนสวย อายุกว่า 4,500 ปี เมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ โอบล้อมด้วยขุนเขาและป่าสีเขียวขจีสวย งามราวกับภาพวาด กล่าวกันว่าเป็นเมืองที่โรแมนติกที่สุดใน Salzkammergut เขตที่อยู่บนอัพเพอร์ออสเตรีย และมีทะเลสาบสวยถึง 76 แห่ง ออสเตรียให้ฉายาเมืองนี้ว่าเป็นไข่มุกแห่งออสเตรีย และเป็นพื้นที่มรดกโลกของ UNESCO Cultural-Historical Heritage เพียงเดินเที่ยวชมเมืองเสมือนหนึ่งท่านอยู่ในภวังค์แห่งความฝัน
|
|
เที่ยง
|
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง
|
|
บ่าย
|
นำเดินทางโดยรถโค้ชสู่ กรุงเวียนนา (Vienna) เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย ผ่านชมเส้นทางธรรมชาติของทิวเขาสูง และพื้นที่อันเขียวชอุ่มของ ป่าไม้แห่งออสเตรียจากนั้นเชิญช้อปปิ้งสินค้าเครื่องแก้วสวาร็อฟสกี้ หรือสินค้านานาชนิด อาทิเช่น Louis Vitton, Gucci, ร้านนาฬิกา Bucherer, สินค้าเสื้อแฟชั่นทันสมัย เช่น Zara, H&M ฯลฯ และสินค้าของฝากเช่น ช๊อคโกแลตโมสาร์ท ในย่าน ถนนคาร์นท์เนอร์ (Karntnerstrabe) ใจกลางกรุงเวียนนา
|
|
ค่ำ
|
อิสระอาหารค่ำตามอัธยาศัย
|
|
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม SENETOR หรือเทียบเท่า
|
|
วันที่หกของการเดินทาง เวียนนา – พระราชวังเชินบรุนน์ – Parndorf Outlet – บราติสลาว่า
|
เช้า
|
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
|
|
นำเข้าชมความงดงามของ พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) แห่งราชวงศ์ฮับสบวร์ก ซึ่งมีประวัติการสร้างมาตั้งแต่กลางคริสต์ศตวรรษที่ 16 และต่อมาพระนางมาเรีย เทเรซ่า ให้สร้างขึ้นใหม่อย่างสง่างามด้วยจำนวนห้องถึง 1,441 ห้องในระหว่างปีค.ศ.1744 - 1749 เพื่อใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อน ชมความโอ่อ่าของท้องพระโรง และพลับพลาที่ประทับ ซึ่งได้รับการตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจงสวยงามไม่แพ้พระราชวังแวร์ซายส์ของฝรั่งเศส
|
|
เที่ยง
|
อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย
|
|
บ่าย
|
นำท่านเดินทางสู่ McArthurGlen Designer Outletin Parndorf ให้เวลาท่านได้อิสระช้อปปิ้ง McArthurGlen Designer Outletin Parndorf สินค้าแบรนด์เนมมากมาย อาทิ เช่น GUCCI, BALLY, HUGO BOSS,BENETTON, BURBERRY, CALVIN KLEIN, CROCS, GEOX, GUESS, LACOSTE, NIKE,OAKLEY, DIESEL และอื่นๆอีกมากมาย
***เนื่องจาก OUTLET จะปิดทำการในวันอาทิตย์ ถ้าหากคณะใดตรงกับวันอาทิตย์ในวันนั้น ทางบริษัทขอสลับโปรแกรมไปในวันถัดไปแทน***
จากนั้นนำเดินทางโดยรถโค้ชสู่ กรุงบราติสลาว่า (Bratislava) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของ ประเทศสโลวัค ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดานูบที่บริเวณพรมแดนของ สโลวัค ออสเตรีย และฮังการี และใกล้กับพรมแดนสาธารณรัฐเช็ก
|
|
ค่ำ
|
อิสระอาหารเย็นตามอัธยาศัย
|
|
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม FALKENSTEINER HOTEL BRATISLAVA หรือเทียบเท่า
|
วันที่เจ็ดของการเดินทาง บราติสลาว่า – บูดาเปสต์ – ล่องเรือแม่น้ำดานูบ – Vaci Street
|
เช้า
|
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
|
|
นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชผ่านย่านเกษตรกรรมข้ามพรมแดนสู่ กรุงบูดาเปสต์ (Budapest) เมืองหลวงของ ประเทศฮังการี (Hungary) ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่ทันสมัยและสวยงามด้วยศิลปวัฒนธรรมของชนหลายเชื้อชาติที่มี อารยธรรม รุ่งเรืองมานานกว่าพันปี ถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งแม่น้ำดานูบ” ชมเมืองที่ได้ชื่อว่างดงามติดอันดับโลกด้วยทัศนียภาพบนสองฝั่งแม่น้ำดานูบ ชมจัตุรัสวีรบุรุษ (Heroes’ Square) บนฝั่งเปสต์ ที่ตั้งของ Millenary Monument อนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นฉลอง 1,000 ปี แห่งชัยชนะของชาวแมกยาร์
|
|
เที่ยง
|
รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร อาหารจีน
|
|
บ่าย
|
นำท่านล่องเรือแม่น้ำดานูบอันเลืองชื่อ ชมความงามของทิวทัศน์และอารยธรรมฮังการีในช่วง 600-800 ปีมาแล้วที่ตั้งเรียงรายกันอยู่ 2 ฟากฝั่ง ชมความตระการตาของอาคารต่างๆ อาทิ อาคารรัฐสภา ซึ่งงดงามเป็นที่ร่ำลือ ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค บนตัวอาคารประกอบด้วยยอดสูงถึง 365 ยอด นอกจากนี้ท่านจะได้ชม สะพานเชน สะพานถาวรแห่งแรกที่สร้างข้ามแม่น้ำดานูบ โดยนาย WILLIAM TIERNEY CLARK วิศวกรชาวอังกฤษ เหล็กทุกชิ้นที่ใช้ในการสร้างได้ถูกนำมาจากประเทศอังกฤษเช่นกัน นำท่านสู่ถนนช้อปปิ้ง วาซี่ อุตซ่า Vaci Street (Vaci út) ถนนความยาว กว่า 1 กิโลเมตร จุดนัดพบของนักช้อปและเป็นที่ตั้งของโรงแรมไฮโซ รวมร้านค้าแบรนเนมหลากหลายยี่ห้อ ร้านขายของที่ระลึก คาเฟ่ บาร์ให้นั่งกินลมชมวิว หรือ ให้ท่านได้เดินตลาดสด Central Market Hall (Nagy Vasarcsarnok) โดยเป็นตลาดในร่มที่ตัวอาคารสร้างโดยศิลปะแบบ นีโอโกธิค ถือเป็นตลาดสดที่ใหญ่ที่สุดในช่วงยุคต้นคริสศตวรรษที่19 และเก่าแก่ที่สุดในบูดาเปสต์ แหล่งรวมวัตถุดิบท้องถิ่นของชาวฮังการี เช่น พริกปาปริก้า ตับห่าน ถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของประเทศฮังการี อิสระให้ท่านได้เดินเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย
|
|
ค่ำ
|
รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร อาหารพื้นเมือง (ซุปกุลาซ)
|
|
เข้าสู่ที่พัก โรงแรม MERCURE BUDAPEST CITY HOTEL หรือเทียบเท่า
|
|
วันที่แปดของการเดินทาง บูดาเปสต์ – CASTLE HILL – สนามบิน
|
เช้า
|
รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม
|
|
|
นำท่านชมบริเวณ CASTLE HILL ซึ่งเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณอันทรงคุณค่า ถ่ายรูปด้านนอกของอาคารพระราชวังโบราณ แล้วชมบริเวณรอบนอกโบสถ์แมทเธียส (Matthias Church) ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่จัดพิธีสวมมงกุฎให้กษัตริย์มาแล้วหลายพระองค์ ชื่อโบสถ์มาจากชื่อกษัตริย์แมทเธียส ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถมาก และยังเป็นกษัตริย์ผู้ทรงสร้างสิ่งก่อสร้างที่งดงามในเมืองหลวงต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งสร้างในสไตล์นีโอ-โกธิก หลังคาสลับสีสวยงามอันเป็นจุดเด่นที่สุดในศตวรรษที่ 15 ถัดจากโบสถ์เป็นอนุสาวรีย์ของพระเจ้าสตีเฟ่นที่ 1 พระบรมรูปทรงม้า ผลงานประติมากรรมที่งดงามของศตวรรษที่ 11 อยู่หน้า ป้อมชาวประมง (Fisherman’s Bastion) จุดชมวิวเหนือเมืองบูดาที่ท่านสามารถชมความงามของแม่น้ำดานูบได้อย่างดีป้อมแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1905 โดยกลุ่มชาวประมงฮังกาเรียน
|
|
12.00 น.
|
นำคณะเดินทางสู่ สนามบินเฟเรนซ์ ลิซท์ เพื่อให้ท่านมีเวลาในการทำคืนภาษี (Tax Refund) และมีเวลาในการเลือกซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดภาษีภายในสนามบิน
|
|
16.00 น.
|
ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ EK 112
|
|